1796 จำนวนผู้เข้าชม |
พระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace), กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
พระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญของกรุงเวียนนา ดึงดูดผู้เข้าชมได้นับล้านคนในแต่ละปี และที่สำคัญพระราชวังเชินบรุนน์ยังได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกอีกด้วยย จุดเด่นของพระราชวังเชินบรุนน์ คือ ตัวอาคารใหญ่โต สไตล์โรโคโค (Rococo) ที่มีสีเหลืองอร่ามสะดุดตา ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 1,441 ห้อง อดีตเคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก โดยพระเจ้าโยเซฟที่ 1 เป็นผู้ดำริในการสร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นมา ต่อมาจักรพรรดิเลโอโปลด์ที่ 1 ได้มีการปรับปรุงขึ้นใหม่ และแล้วเสร็จในสมัยจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา
พระราชวังเชินบรุนน์ มีความหมายว่า น้ำพุอันสวยงาม เล่ากันว่าพระจักรพรรดิได้ทอดพระเนตรเห็นน้ำบาดาลที่ผุดขึ้นจากพื้นดินในบริเวณนั้น จึงได้นำมาตั้งเป็นชื่อพระราชวังเชินบรุนน์ที่เราใช้เรียกในปัจจุบันนี้ ถูกสร้างขึ้น โดยมีต้นแบบเป็นพระราชวังแวร์ซายส์ ด้านหน้าของพระราชวังมีสวนดอกไม้นานาชนิด สีสันสวยงามที่ยาวสุดลูกหูลูกตา ภายในจะต้องตะลึงกับความงดงามสุดอลังการของตัวอาคาร และเพลินเพลินกับศิลปะที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับขนบประเพณีและราชวงศ์ในออสเตรีย ข้อห้ามสำคัญของผู้เข้าชม คือห้ามถ่ายรูป เพราะฉะนั้น ต้องมาสัมผัสให้เห็นกับตาว่า สวยสมคำร่ำลือหรือเปล่า
ด้านหลังของพระราชวังเชินบรุนน์ เป็นสวนสไตล์สวนอังกฤษที่มีขนาดใหญ่มากๆ เหมาะสำหรับพักผ่อน เมื่อเดินเข้ามาในสวนแห่งนี้ จะต้องสะดุดตากับความงามและความใหญ่โตของน้ำพุ Sun Fountain มองเหนือน้ำพุ Sun Fountain ขึ้นไป จะพบความสวยงามยิ่งกว่าภาพตรงหน้า คือ อาคาร Gloriette เป็นซุ้มระเบียงขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างมาอย่างสวยสดงดงาม นอกจากนี้ยังมีสวนเขาวงกต และสวนสัตว์ ที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในออสเตรียอีกด้วย
ข้อมูลจาก : https://www.yingpook.com/best-of-vienna/
พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace), ประเทศออสเตรีย
พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace) เป็นพระราชวังที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีอายุกว่า 600 ปี พระราชวังแห่งนี้ เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิในราชวงศ์ฮอฟบวร์ก ตั้งแต่พระองค์แรกจนถึงพระองค์สุดท้าย ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของสาธารณรัฐออสเตรียในเวลาต่อมา ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นที่พักและทำเนียบของประธานาธิบดีในออสเตรีย แต่มีบางส่วนที่ยังอนุรักษ์และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ซึ่งดึงดูดผู้มาเยือนได้อย่างไม่ขาดสายในแต่ละวัน
พระราชวังฮอฟบวร์ก ประกอบด้วยปีกอาคารกว่า 18 ส่วนและห้องมากกว่า 2,000 ห้อง ก้าวแรกของทุกคนที่มาเยือน จะต้องตะลึงกับความสวยงามของซุ้มประตูสไตล์บารอค ด้านในจะพบกับที่ประทับของจักรพรรดิ์ ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเเสนวิจิตรตระการตา ต่อด้วยการเดินชมพิพิธภัณฑ์ของ Hofburg Palace ที่จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ และเครื่องแต่งกายที่เเสนจะหรูหราของราชวงศ์ฮอฟบวร์ก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีโรงเรียนฝึกม้า หอสมุดแห่งชาติ และโบสถ์ตั้งอยู่ภายในอีกด้วย
ข้อมูลจาก : https://www.yingpook.com/best-of-vienna/
ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt), ประเทศออสเตรีย
ฮัลส์สตัทท์ เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบ Hallstatt See สิ่งแรกที่จะสัมผัสได้ก็คืออากาศอันแสนบริสุทธิ์ เงียบสงบ มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่ถึงพันคน ฉากหลังเป็นภูเขาสูงชันโอบล้อมเมือง ทะเลสาบสีฟ้า แถมด้วยบรรดาหงส์ที่พากันมาว่ายน้ำ บ้านเรือนน่ารักๆ ลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงมาตามแนวเขา รอบเมืองเต็มไปด้วยร้านอาหารขนาดเล็กและดอกไม้สีสันสดใส
ไม่แปลกใจเลยที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองริมทะเลสาบที่เก่าแก่และสวยที่สุดในโลก แถมยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ ประเภทชุมชนที่มีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนระหว่างภูมิประเทศที่สวยงามกับวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของโลกอีกด้วย จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของออสเตรีย เหมาะแก่การมาพักผ่อนตากอากาศ เดินเล่นชมธรรมชาติและทัศนียภาพสวยๆ ของตัวเมือง
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น การปีนเขา ล่องเรือในทะเลสาบ เล่นสกี เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ หรือเดินทางไปชมเหมืองเกลือโบราณที่มีอายุกว่า 7,000 ปี โดยการขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปบนภูเขาที่มีความสูงประมาณ 838 เมตร
ข้อมูลจาก : https://www.yingpook.com/10bestplacestovisitinaustria/
ซาลซ์บวร์ก (Salzburg), ประเทศออสเตรีย
ซาลซ์บวร์ก เมืองมรดกโลกที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานมากของออสเตรีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ ล้อมรอบด้วยขุนเขาและแม่น้ำซาร์ลซัคอันงดงาม คลุกเคล้าไปด้วยเสน่ห์ของเสียงเพลง โรแมนติก อาคารบ้านเรือนก็สวยงาม ตกแต่งด้วยศิลปะแบบบาโรก จนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรก
ที่นี่เป็นบ้านเกิดของคีตกวีชื่อดังระดับโลกอย่าง โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง The Sound of Music นั่นก็คือสวนมิราเบลล์ (Mirabell Garden) เป็นสวนสาธารณะที่สวยที่สุดในเมืองซาล์ลบวร์ก พื้นที่กว้างขวางมาก ตกแต่งด้วยรูปปั้นและน้ำพุแบบบาโรก เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส มีนักดนตรีคอยบรรเลงเพลงสร้างบรรยากาศอีกด้วย
ปราสาทปราก และมหาวิหารเซ็นต์วิตุส (Prague Castle & St. Vitus Cathedral), สาธารณรัฐเช็ก
ปราสาทแห่งกรุงปราก สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 880 ปัจจุบัน ประมาณ 1,000 กว่าปี ถือเป็นสมบัติทางศิลปะและวัฒนธรรม และเป็นสัญลักษณ์โบราณที่สำคัญที่สุดของสาธารณรัฐเช็ก ตกแต่งด้วยศิลปะแบบโกธิค ตั้งอยู่บนเขา และยูเนสโกยังได้ประกาศให้เป็นปราสาทโบราณที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก เพราะมีการเชื่อมโยงกันระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ไว้เยอะมาก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 7 สนามฟุตบอล
และที่โดดเด่นเป็นสง่ามากก็คือ มหาวิหารเซนต์วิตัส เป็นอีกหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในยุโรป ตกแต่งด้วยกระจกสีที่เป็นภาพเรื่องราวต่างๆ ของศาสนาคริสต์ และยังเป็นที่ฝังศพของนักบุญจอห์น นักบุญที่มีความสำคัญต่อศาสนาอีกด้วย
ซึ่งในปัจจุบันปราสาทปรากได้ถูกใช้เป็นทำเนียบของประธานาธิบดี และพิพิธภัณฑ์ศิลปะทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุดของกรุงปราก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนกว่า 1.8 ล้านคนต่อปี
ข้อมูลจาก : https://www.yingpook.com/10-top-czech/
สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge), สาธารณรัฐเช็ก
เป็นสะพานเก่าแก่สไตล์โกธิกที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและงดงามมากกก เดิมนั้นมีชื่อว่าสะพานหิน หรือ สะพานแห่งกรุงปรากค่ะ แต่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นสะพานชาร์ลส์ เมื่อปี ค.ศ.1870 เนื่องจากพระเจ้าชาร์ลส์ที่4 ทรงโปรดให้สร้างสะพานใหม่ที่ทันสมัยขึ้น โดยสร้างทอดข้ามแม่น้ำวัลตาวาเชื่อมต่อระหว่างยุโรปตะวันออกและตะวันตก มีความยาว 516 เมตร กว้าง 10 เมตร ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่สำคัญในฐานะเมืองแห่งเส้นทางการค้าขายขึ้นมา
จุดเด่นของสะพานแห่งนี้ก็คือรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญสไตล์บารอกที่ตั้งอยู่สองข้างตลอดแนวสะพานราว 30 องค์ โดยรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดบนสะพานคือรูปปั้นของนักบุญจอห์น เนโปมุก (John Nepomuk) สร้างเมื่อปีค.ศ. 1638 ซึ่งเป็นที่นับถือกันมาก ปัจจุบันรูปปั้นเหล่านี้ไม่ใช่รูปปั้นต้นฉบับ เป็นงานจำลองประติมากรรมดั้งเดิม เพราะถูกภัยพิบัติต่างๆ และน้ำท่วมหลายครั้ง และยังมีหอสะพานเมืองเก่า (Old Town Bridge Tower) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหอสะพานที่สวยที่สุดในยุโรป สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์จากดาดฟ้าของหอคอยสะพานได้ ถือว่าเป็นหนึ่งในอาคารสไตล์โกธิคพลเรือนที่น่าอัศจรรย์มากที่สุดของโลก
ข้อมูลจาก : https://www.yingpook.com/10-top-czech/
เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov), สาธารณรัฐเช็ก
เชสกี้ ครุมลอฟ เมืองโบราณเล็กๆ ที่ใครมาสัมผัสก็ต้องหลงรัก เป็นเมืองมรดกโลกที่โด่งดัง เป็นเมืองที่น่ารักและโรแมนติกสุดๆ โอบล้อมด้วยแม่น้ำ Vltava ที่โค้งไปตามเนินเขาเหมือนรูปตัว S ทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมืองเหมือนกับหยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาจากขั้วนั่นเอง ดื่มด่ำบรรยากาศทั่วเมือง รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปสู่ยุคอดีตอย่างไงอย่างนั้นเลย อาคารบ้านเรือนยังคงรักษาศิลปะวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ โดดเด่นด้วยหลังคาสีส้มแดงสุดคลาสสิค
จุดโดดเด่นของเมืองนี้ คือมีแม่น้ำวลาทาวาไหลผ่านและล้อมรอบเมืองในลักษณะงอโค้งเป็นคุ้งไปตามเนินเขา คดเคี้ยวเหมือนรูปตัว S จนทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมือง เหมือนกับหยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นจากขั้วนอกจากนี้บ้านเรือนทุกหลังใช้หลังคาสีส้มแดง ทำให้เมื่อมองจากมุมสูง จะเกิดภาพที่สวยงามมาก
ข้อมูลจาก : https://www.yingpook.com/10-top-czech/
ปราสาทมอลบอร์ก (Malbork Castle), ประเทศโปแลนด์
ปราสาทมอลบอร์ก (Malbork Castle) ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศโปแลนด์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบทรงกอธิค ที่มีความยิ่งใหญ่และงดงาม จนได้รับการขนานนามว่าเป็นปราสาทก่อสร้างจากอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก แถมที่นี่ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากองค์กรยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1997 อีกด้วย
ด้วยสีสันสีส้มอิฐสวยงาม ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวจากหลายๆประเทศ ที่นี่เป็นวิหารของนับรบศาสนาคริสต์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 13 สิ่งก่อสร้างภายในเป็นศิลปะแบบยุคกลางที่ออกแบบให้แข็งแรงและรองรับต่อการสู้รบในช่วงสงครามยุคกลาง แต่ผลกระทบจากสงครามก็ทำให้ปราสาทนี้ได้รับความเสียหายในช่วง ค.ศ. 1945 แม้ที่นี่จะได้รับความเสียหายในช่วงสงครามแต่ก็ได้รับการซ่อมแซมและบำรุงรักษาในช่วง ศตวรรษที่ 19-20 จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามให้ได้ชมกันจนถึงปัจจุบันนี้
เหมืองเกลือวิลิซกา (Wieliczka), ประเทศโปแลนด์
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางไปเยือนโปแลนด์ เพื่อไปชมความมหัศจรรย์ของ เหมืองเกลือเก่าแก่ในยุโรป กับโบสถ์ที่สร้างและแกะสลักจากเหินกลือ งานประติมากรรมจากเกลือ ทะเลสาบน้ำเค็มใต้ดินอีกทั้งร่องรอยการขุดเกลือภายในเหมือง ภายในเหมืองเกลือวิลิซกาแห่งนี้มีเส้นทางวกวนลงไปในใต้ดินที่ความลึกราวๆร้อยเมตร ชั้นที่ลึกที่สุดคือ327 เมตร ซึ่งจะได้พบกับห้องจัดแสดงประวัติความเป็นมา และถ้ำขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากหินเกลือ ที่มีความวิจิตรงดงาม น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว นอกจากนี้ ก็ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่บริเวณสถานที่แห่งนี้อย่างน่าสนใจในทุกๆปีด้วย
ข้อมูลจาก : https://www.cheaptickets.co.th/flights/poland/what-to-do
ย่านเมืองเก่าของกรุงวอร์ซอว์ (Warsaw Old Town), ประเทศโปแลนด์
กรุงวอร์ซอว์เป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหรรมหนัก เช่น เหล็กกล้า , รถยนต์ , เครื่องจักร เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา มีสถานบันการศึกษามากกว่า 66 แห่ง กรุงวอร์ซอว์เป็นเมืองเก่าในประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งของยุโรป องค์กรยูเนสโก ได้ประกาศให้กรุงวอร์ซอว์เป็นเมืองมรดกโลก เนื่องจากกรุงวอร์ซอว์เป็นแหล่งสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในราวปลายศตวรรษที่ 13 และจากช่วงวงครามโลกครั้งที่ 2 กรุงวอร์ซอว์โดนระเบิดทำให้สถาปัตยกรรมต่าง ๆ เกิดความเสียหายอย่างมาก แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งเมืองก็ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ จนปัจจุบันกลายเป็นเมืองหนึ่งที่เจริญและทันสมัยอย่างแทบไม่น่าเชื่อ